วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

ทีเอ็มบีมีกำไรไตรมาส 1 จำนวน 1,602 ล้านบาท


ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 17 เมษายน 2557 14:23:53 น.  กรุงเทพฯ--17 เม.ย.--ทีเอ็มบี

        ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จากัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 1 ปี 2557 ในวันนี้ โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีผลกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองจำนวน 3,159 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,602 ล้านบาท ลดลง 12% จากไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ลดลงเล็กน้อยจาก 3.87% เหลือ 3.85% และสัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ยังคงแข็งแกร่งที่ 138%
ในไตรมาส 1 นี้ ธนาคารดำเนินงานด้วยความรอบคอบระมัดระวังในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะการขยายสินเชื่อเป็นไปด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ทำให้สินเชื่อขยายตัวเพียงเล็กน้อยในไตรมาสนี้เพียง 1,200 ล้านบาทหรือ 0.3% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2556 ในขณะที่ปริมาณเงินฝากยังคงเพิ่มขึ้นได้ดีประมาณ 29,000 ล้านบาทหรือ 5.5% โดยเป็นเงินฝากที่เพิ่มจากทั้งลูกค้าเงินฝากรายย่อยในผลิตภัณฑ์เงินฝากที่มีผลตอบแทนดี เช่น เงินฝากไม่ประจำ (No Fixed) และบัญชีเงินฝากใน ME การธนาคารรูปแบบใหม่ รวมทั้งเงินฝากเพื่อธุรกรรมทางการเงิน (Transactional Banking Account) ซึ่งธนาคารให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากการเติบโตของสินเชื่อที่น้อยและเมื่อประกอบการลดดอกเบี้ยในตลาด ทำให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (Net Interest Margin) ลดลงเป็น 2.87% จาก 2.95% จากไตรมาส 1 ปีที่แล้ว แต่รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (Net Interest Income) ยังเพิ่มขึ้น 6%
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสนี้ลดลง 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลดลงของค่าธรรมเนียมจากการขายกองทุนเนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวยและการลดลงของค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับสินเชื่อเนื่องจากธนาคารชะลอการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้าใหม่ ในขณะที่ค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่างประเทศ (Trade Finance) ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้รายได้รวมจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 1% ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มขึ้นตามปกติของค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าใช้จ่ายอาคารสาขา และค่าใช้จ่ายการตลาด ทำให้กำไรของธนาคารในไตรมาสนี้ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี กล่าวว่า “ในปี 2557 นี้ธนาคารให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมีคุณภาพและความมั่นคงของธนาคารเป็นหลัก โดยยังคงมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าเงินฝากธุรกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามธนาคารได้ปรับเป้าหมายของการขยายสินเชื่อลงเหลือประมาณ 6-8% และพยายามรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับดี โดยในไตรมาสนี้ แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจถูกรุมเร้าด้วยปัจจัยลบต่างๆ แต่สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ของธนาคารและบริษัทย่อยคงที่ในระดับ 3.85% นอกจากนี้ธนาคารยังได้คงสัดส่วนสำรองฯต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ในระดับสูงที่ 138%
ธนาคารยังคงดำรงสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ภายใต้เกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 15.3% โดยเป็นกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ในสัดส่วน 10.5 % ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่กำหนดไว้ที่ 8.5% และ 6.0% ตามลำดับ
นายบุญทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “ในไตรมาสที่เหลือของปีธนาคารจะยังคงดำเนินงานอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อสร้างบริการที่มีคุณค่าให้กับลูกค้าและยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานเพื่อให้ธนาคารมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นที่ยั่งยืน”

อ้างอิง : http://www.ryt9.com/s/prg/1879051

TMB แจงกำไรQ1หด12%YoY รายได้มิใช่ดอกเบี้ยลด,NPL ลงเหลือ 3.85%

  TMB แจงกำไรQ1หด12%YoY รายได้มิใช่ดอกเบี้ยลด,NPL ลงเหลือ 3.85%

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 17 เมษายน 2557 
     นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB) กล่าวว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/57ธนาคารและบริษัทย่อยมีผลกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองจำนวน 3,159 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,602 ล้านบาท ลดลง 12% จากไตรมาส 1/56 ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ลดลงเล็กน้อยจาก 3.87% เหลือ 3.85% และสัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ยังคงแข็งแกร่งที่ 138%

      ในไตรมาส 1/57 ธนาคารดำเนินงานด้วยความรอบคอบระมัดระวังในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะการขยายสินเชื่อเป็นไปด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ทำให้สินเชื่อขยายตัวเพียงเล็กน้อยในไตรมาสนี้เพียง 1,200 ล้านบาท หรือ 0.3% จากสิ้นเดือนธันวาคม 56 ขณะที่ปริมาณเงินฝากยังคงเพิ่มขึ้นได้ดีประมาณ 29,000 ล้านบาทหรือ 5.5% โดยเป็นเงินฝากที่เพิ่มจากทั้งลูกค้าเงินฝากรายย่อยในผลิตภัณฑ์เงินฝากที่มีผลตอบแทนดี เช่น เงินฝากไม่ประจำ (No Fixed) และบัญชีเงินฝากใน ME การธนาคารรูปแบบใหม่ รวมทั้งเงินฝากเพื่อธุรกรรมทางการเงิน (Transactional Banking Account) ซึ่งธนาคารให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากการเติบโตของสินเชื่อที่น้อยและเมื่อประกอบการลดดอกเบี้ยในตลาด ทำให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (Net Interest Margin) ลดลงเป็น 2.87% จาก 2.95% จากไตรมาส 1/56 แต่รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (Net Interest Income) ยังเพิ่มขึ้น 6%
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสนี้ลดลง 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลดลงของค่าธรรมเนียมจากการขายกองทุนเนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวยและการลดลงของค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับสินเชื่อเนื่องจากธนาคารชะลอการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้าใหม่ ในขณะที่ค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่างประเทศ (Trade Finance) ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้รายได้รวมจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 1% ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มขึ้นตามปกติของค่าใช้จ่ายพนักงาน  ค่าใช้จ่ายอาคารสาขา และค่าใช้จ่ายการตลาด ทำให้กำไรของธนาคารในไตรมาสนี้ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว
ในปี 57 นี้ธนาคารให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมีคุณภาพและความมั่นคงของธนาคารเป็นหลัก โดยยังคงมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าเงินฝากธุรกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามธนาคารได้ปรับเป้าหมายของการขยายสินเชื่อลงเหลือประมาณ 6-8% และพยายามรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับดี โดยในไตรมาสนี้ แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจถูกรุมเร้าด้วยปัจจัยลบต่างๆ แต่สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ของธนาคารและบริษัทย่อยคงที่ในระดับ 3.85% นอกจากนี้ธนาคารยังได้คงสัดส่วนสำรองฯต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ในระดับสูงที่ 138%
ธนาคารยังคงดำรงสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ภายใต้เกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 15.3% โดยเป็นกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ในสัดส่วน 10.5 % ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่กำหนดไว้ที่ 8.5% และ 6.0% ตามลำดับ
"ในไตรมาสที่เหลือของปีธนาคารจะยังคงดำเนินงานอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อสร้างบริการที่มีคุณค่าให้กับลูกค้าและยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานเพื่อให้ธนาคารมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นที่ยั่งยืน"นายบุญทักษ์ กล่าว

 อ้างอิง : http://jo.klongjan.com/go.php?to=http://www.ryt9.com/tag/tag/%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2

เปิดประสบการณ์เหนือระดับกับ TMB Wealth Banking

                         
                                      เปิดประสบการณ์เหนือระดับกับ TMB Wealth Banking


                                เปิดประสบการณ์เหนือระดับกับ TMB Wealth Banking

กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
ทีเอ็มบี หรือธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมมอบประสบการณ์เหนือระดับแก่ลูกค้า TMB Wealth Banking ด้วย “เอ็กซ์คลูซีฟช้อปปิ้ง” กับสีสันที่เป็นมงคล เสริมโชคชะตา พร้อมส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 50% ณ ช็อปลองฌอมป์ สยามพารากอน โดยภายในงานยังได้เชิญ หมอช้าง-ทศพร ศรีตุลา นักโหราศาสตร์ด้านฮวงจุ้ยชื่อดัง มาเผยเรื่องสีสันเสริมดวง สีสันที่เป็นมงคล
นางสาวชมภูนุช ปฐมพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจสาขา ทีเอ็มบี เผยว่า “TMB Wealth Banking มุ่งมั่นที่จะนำเสนอบริการที่เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า นอกเหนือจากการนำเสนอการวางแผนทางการบริหารการเงินอย่างครบวงจร ยังจัดกิจกรรมมอบสิทธิพิเศษเพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้า โดยจัดให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่ชอบความบันเทิง กีฬา ท่องเที่ยว ความสวยความงามและสุขภาพ ฯลฯ เพื่อแทนคำขอบคุณที่ลูกค้าต่างไว้วางใจในบริการของธนาคาร”
ภายในงาน หมอช้าง-ทศพร ศรีตุลา ยังได้เผยถึงสีสันเสริมดวงสำหรับการช้อปปิ้งสุดพิเศษว่า “การเลือกใช้สีที่ถูกต้องก็เหมือนกับการหันจานดาวเทียมได้ถูกทิศถูกทาง ช่วยเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้ จริงแล้วคนเราทุกคนใช้ได้ทุกสี บางคนอาจจะกังวลว่าสีนี้ไม่ถูกโฉลก แต่จริงๆ แล้วในหลักของดวง การเลือกสิ่งของมาอยู่ใกล้ตัว ควรเลือกความหลากหลายของสีสัน อย่างน้อยเราก็ได้เปลี่ยนบรรยากาศ และสร้างพลังใหม่ให้กับตัวเอง จากตำราโหราศาสตร์จีน ปีมะเมียปีนี้มาพร้อมกับพลังของธาตุไม้ และสีสันที่เสริมธาตุไม้ได้เป็นอย่างดี คือ สีสันของธาตุไฟ อาทิ สีส้ม สีแดง ม่วง ช่วยเสริมความก้าวหน้าได้ สำหรับครึ่งปีหลังของ ปี 2557 ดาวพฤหัสมีพลังมากที่สุด พวกสีเหลือง ครีม น้ำตาล เป็นสีตำแหน่งมหาอุจจ์ ที่ป้องกันสิ่งไม่ดีและเป็นสีที่มีพลังที่สุด “
นัทธชา สุนทรวิเนตร์ ลูกสาวสุดสวยคนเก่งของ วิทวัส สุนทรวิเนตร์ พิธีกรรายการตีสิบ หนึ่งในลูกค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษจาก TMB Wealth Banking กล่าวถึงสไตล์การช้อปปิ้งว่า “ปอยมีเทคนิคในการคิดก่อนซื้อว่า จะใช้ได้จริงไหม ใส่ในโอกาสไหน เราต้องคิดไว้ก่อน ไม่ใช่เอาแต่ของที่ชอบอย่างเดียว โดยได้มีโอกาสเดินทางไปหลายประเทศ แต่ละประเทศก็จะมีสิ่งของที่ไม่ควรพลาดแตกต่างกัน ส่วนสวรรค์แห่งช้อปปิ้งของปอย จะนึกถึงประเทศออสเตรเลีย เพราะจะมีของที่มีคุณภาพ และของที่พิเศษเป็นเอกลักษณ์ค่ะ”

อ้างอิง : http://www.ryt9.com/s/prg/1887851 

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557

TMB Analytics ประเมิน ปิดประตูดอกเบี้ยขาขึ้น การเมืองป่วน



                   TMB Analytics ประเมิน ปิดประตูดอกเบี้ยขาขึ้น การเมืองป่วน

                            TMB Analytics ประเมิน ปิดประตูดอกเบี้ยขาขึ้น การเมืองป่วน

24 เมษายน 2557
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ประเมิน หมดโอกาสจะได้เห็นดอกเบี้ยนโยบายขาขึ้นในปี 2557 นี้ เหตุเศรษฐกิจซบเซาจากพิษการเมือง แต่ในปีหน้าแนวโน้มสภาพคล่องตึงตัวมาแน่ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ เตรียมเบรกนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และเงินเฟ้อโลกที่กำลังจะกลับมาขาขึ้น

ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. วันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ มีมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.00 ในปัจจุบัน หวังลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายเล็กหรือ SMEs เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยหลังจากได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมืองซึ่งลากยาวมาครึ่งปีแล้ว ด้านธนาคารพาณิชย์ก็รับลูกโดยการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของลูกค้าชั้นดี หรือ MLR ลงมาตามลำดับ พร้อมๆ กับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก

คำถามที่ตามมาก็คือ ในภาวะที่นโยบายการเงินส่งผ่านไปยังธนาคารพาณิชย์ได้ดีเช่นนี้ กนง.จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมวันพุธที่ 23 เม.ย. หรือไม่ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ กนง. จะเลือกลดดอกเบี้ยอีกภายในปีนี้เพื่อช่วยพยุงธุรกิจ หากทิศทางเศรษฐกิจชะลอลงเพิ่มเติม แต่ กนง. ยังไม่น่าจะตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในการประชุมครั้งนี้ เหตุผลเพราะว่า แม้การลดดอกเบี้ยจะช่วยลดภาระทางการเงิน แต่ปัญหาหลักของเศรษฐกิจไทยในตอนนี้นั้นไม่ใช่ต้นทุน แต่อยู่ที่รายได้จากการที่ผู้ประกอบการไม่สามารถขายของได้เหมือนเก่า และกำลังซื้อของผู้บริโภคก็ยังอ่อนแรง เห็นได้จากปัญหาการจ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนา ซึ่งเป็นผลกระทบทางตรงของปัญหาการเมือง หรือความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจของผู้บริโภคซึ่งเป็นผลทางอ้อม ซ้ำเติมปัญหารายได้เกษตรกรที่ถูกกดดันโดยราคาสินค้าเกษตรอยู่แล้ว

ตัวเลขการขยายตัวของยอดสินเชื่อในไตรมาสแรกของปีนี้ ที่ธนาคารพาณิชย์ทยอยแถลงออกมา ก็ล้วนมีแนวโน้มทรงตัวจากไตรมาสก่อน สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการสินเชื่อใหม่ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ สอดคล้องกับการชะลอการลงทุนของภาคธุรกิจซึ่งรอดูท่าทีของทิศทางการเมืองในประเทศ และบางส่วนก็มีการคาดการณ์ว่า หากมีรัฐบาลใหม่แล้วจะต้องมีการประกาศมาตรการทางการคลังเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ธุรกิจส่วนนี้ยังรอให้ถึงช่วงเวลาดังกล่าว

กลับมาที่ประเด็นแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปี เดิมทีศูนย์วิจัยหลายแห่ง รวมทั้งศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีเอง ได้ประเมินไว้ว่า เราอาจได้เห็นดอกเบี้ยนโยบายกลับมาเป็นขาขึ้นในช่วยปลายปี (ปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.50-3.00 ตามการสำรวจของบลูมเบิร์กเมื่อ พ.ย. ปีก่อน) แต่ความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่อาจไม่ได้เห็นจนกระทั่งไตรมาสสี่ รวมถึงธุรกิจขนาดเล็กที่ยังต้องการการประคับประคอง ทำให้แนวโน้มดอกเบี้ยยังกลับมาเป็นขาขึ้นไม่ได้ ด้วย กนง. น่าจะตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายการเงินไปอีกระยะหนึ่งภายหลังการเมืองมีสัญญาณคลี่คลาย คล้ายการดำเนินงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ที่เลือกคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับต่ำ แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่องก็ตาม

อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 จะมีหลายปัจจัยที่กดดันให้นโยบายการเงินของไทยเข้าสู่ภาวะปกติ (Normalization) จากที่ผ่อนคลายมาเป็นระยะเวลาพอสมควรในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้ ไม่ว่าจะแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่จะเร่งตัวขึ้นตามวัฏจักรเศรษฐกิจโลก โมเมนตัมของการขยายตัวในประเทศกลุ่มพัฒนาแล้วที่จะแข็งแกร่งขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ซับไพรม์ ส่งผลให้สภาวะสภาพคล่องทั่วโลกกลับสู่แนวโน้มตึงตัว ในสถานการณ์เช่นนี้ หาก กนง. ยังมีความจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอยู่ นอกจากจะสร้างความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อในประเทศอาจทะลุกรอบนโยบายแล้ว ยังมีความเป็นไปได้ที่เงินทุนข้ามชาติจะไหลออกจากไทย กระทบเสถียรภาพในตลาดการเงิน สร้างผลลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของไทยอีกต่อหนึ่ง ... ก็ได้แต่หวังว่าเวลานั้นจะไม่มาถึง

อ้างอิง : https://www.tmbbank.com/newsroom/news-details.php?id=548

วันอังคารที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2557

ทีเอ็มบี ผนึกกำลัง 3 บลจ. ชั้นนำ พานักลงทุนไปลงทุนรอบโลก พร้อมรับโบนัสแห่งการลงทุนเป็นเงินคืนสูงสุด 100,000 บาท

11 เมษายน 2557
กรุงเทพ, 11 เมษายน 2557 

ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมมือกับ บลจ.ทหารไทย บลจ.ยูโอบี และ บลจ.ซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล ผนึกกำลังกันเปิดโอกาสให้นักลงทุนมีความสะดวกและเพิ่มตัวเลือกในการลงทุนที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ด้วยการออกโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนรวมคุณภาพของทั้ง 3 บลจ. ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีจำนวน 13 กองทุน โดยทุกๆ เงินลงทุน 100,000 บาท จะได้รับเงินคืน 100 บาท และเมื่อมีเงินลงทุนสะสมรวมตั้งแต่ 5 ล้านบาท เงินคืนที่ได้รับจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ซึ่งทุก 100,000 บาท ที่ลงทุน จะได้รับเงินคืน 200 บาท เข้าบัญชีเงินฝากไม่ประจำ ทีเอ็มบี ดอกเบี้ยสูง โดยคำนวณจากยอดเงินลงทุนสะสมตั้งแต่ 1 เมย.– 31 พ.ค. ศกนี้

นางสาวกมลวรรณ อิ่มฤทัยเจริญโชค เจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์การลงทุน ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า “จากการร่วมมือกันระหว่าง ทีเอ็มบี บลจ.ทหารไทย บลจ.ยูโอบี และพันธมิตรใหม่อย่าง บลจ.ซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล ที่เปิดให้นักลงทุนสามารถทำการซื้อขายกองทุนรวมผ่านทีเอ็มบีได้ ด้วยการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนและอำนวยความสะดวกในการซื้อขายกองทุนผ่านสาขาของทีเอ็มบีกว่า 450 สาขาทั่วประเทศ เพื่อ Make THE Difference ทำให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดียิ่งขึ้น สะดวกมากขึ้น และเพื่อเป็นการฉลองความร่วมมือที่ดีดังกล่าว ทีเอ็มบีจึงมอบโปรโมชั่นพิเศษให้เป็นโบนัสสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนกับทีเอ็มบี ในระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2557 โดยได้คัดเลือกกองทุนที่น่าสนใจและมีคุณภาพ จำนวน 13 กองทุน มาจัดโปรโมชั่น โดยทุกๆ เงินลงทุน 100,000 บาท จะได้รับเงินคืน (Cash back) จำนวน 100 บาท และเมื่อเงินลงทุนสะสมรวมทั้งหมดตั้งแต่ 5 ล้านบาท ผู้ลงทุนจะได้รับเงินคืนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า คือ 200 บาท ต่อเงินลงทุนสะสมทุกๆ 100,000 บาท รวมรับเงินคืนสูงสุดถึงท่านละ 100,000 บาท ซึ่งธนาคารจะโอนเงินคืนเข้าบัญชีเงินฝากไม่ประจำ ‘ทีเอ็มบี ดอกเบี้ยสูง’ (No Fixed) บัญชีเงินฝากที่ให้ดอกสูง ถอนและฝากเพิ่มเมื่อไรก็ได้ เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า”

นางสาวกมลวรรณ อิ่มฤทัยเจริญโชค กล่าวเพิ่มเติมว่า “กองทุนทั้ง 13 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดทหารไทย US500 Equity Index ที่ลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ, กองทุนเปิด ยูโร ไฮดิวิเดนด์ ที่เน้นลงทุนในหุ้นปันผลของตลาดหุ้นยุโรป, กองทุนเปิด ไทย แวลู โฟกัส อิควิตี้ ปันผล ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีพื้นฐานดี,กองทุนเปิดทหารไทย Global Bond Fund, กองทุนเปิดทหารไทย โกลบอล บอนด์ ปันผล, กลุ่มกองทุนเปิดทหารไทยจัดทัพลงทุน ระยะสั้น, ระยะกลาง, ระยะยาว เน้นลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารแห่งหนี้ และหรือเงินฝาก รวมทั้งหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่นทั้งในและต่างประเทศ, กองทุนเปิด เจแปน สมอล แอนด์ มิด แคป, กองทุนเปิด ไทย บาลานซ์ฟันด์ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ 35% และหุ้น 65%, กองทุนเปิด ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล เน้นลงทุนในตราสารหนี้ 85% และหุ้น 15%, กองทุน US High Yield Bond Fund*, กองทุนเปิดซีแพม โกลบอล สมอล แคป อิควิตี้* โดยทุกกองทุนที่เลือกมานี้จะมีการลงทุนในหลักทรัพย์หลากหลายประเภทแตกต่างกันไป เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกลงทุนโดยสามารถกระจายความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตลงทุนของตัวเองด้วย”

ทั้งนี้ นักลงทุนที่สนใจสามารถติดต่อซื้อหน่วยลงทุนหรือและรับหนังสือชี้ชวนโครงการข้อผูกพันได้และสอบถามรายละเอียโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ ทีเอ็มบี ทุกสาขาทั่วประเทศ

หมายเหตุ : กองทุน US High Yield Bond Fund และกองทุนเปิดซีแพม โกลบอล สมอล แคป อิควิตี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้งและจัดการกองทุนต่อสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง / การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล นโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนรวมก่อนการตัดสินใจลงทุน / เนื่องจากกองทุนต่างประเทศไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลียน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ /ผู้ลงทุนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และรับหนังสือชี้ชวน และโครงการ และข้อผูกพันได้ที่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา


ที่มา :ธนาคารทหารไทย (TMB) https://www.tmbbank.com/newsroom/news-details.php?id=544


วันที่ 15 / 4 / 56

วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557

"บลจ. ทหารไทย" ส่งกองทุนน้องใหม่ กระจายเสี่ยงเน้นลุยหุ้นยุโรป

           
          

    บลจ. ทหารไทย มองเศรษฐกิจโลก ปี 2557 สดใสขึ้น ชวนลงทุนกองทุนต่างประเทศ สไตล์ Global Investor ส่ง "กองทุนเปิดทหารไทยยูโรเปี้ยน โกรท ทริกเกอร์ 5+5" ลุยลงทุนหุ้นยุโรป ตั้งเป้าหมายทำกำไรรวม 10% ใน 1ปี

  สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด กล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจโลกปีนี้ดูสดใสขึ้นในภาพรวม หลังประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศมีตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงกันข้ามกับตลาดหุ้นในประเทศที่ยังได้รับผลกระทบจากแรงกดดันการเมืองในประเทศอยู่พอสมควร ตลอดจน Fund Flow ที่มีการเปลี่ยนทิศซึ่งส่งผลต่อความผันผวนในตลาดเกิดใหม่และตลาดหุ้นในภูมิภาคด้วย โดยแนะให้นักลงทุนไทยจัดทัพลงทุนด้วยมุมมองแบบ Global Investor โดยขยายการลงทุนบางส่วนไปยังต่างประเทศ ตามหลักการกระจายความเสี่ยงที่ดีและได้ประโยชน์จากโอกาสลงทุนที่กว้างขึ้น

 เรามีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นยุโรปโดยเห็นได้จากทิศทางและตัวเลขเศรษฐกิจหลักๆที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ อาทิ การที่ระดับดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของกลุ่มยุโรป (Eu-ropean Commission Sentiment Index) ได้ปรับค่าเฉลี่ยระยะยาวมาอยู่ที่ 100 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดตั้งแต่เกิดวิกฤตหนี้สาธารณะ ในมุมมองด้านปัจจัยพื้นฐาน ราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น(P/BV ratio) และอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio) ของหุ้นในหลายๆประเทศในยุโรปในปัจจุบัน ก็ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่าง 15 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก ถือเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุน นอกจากนั้น ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของกลุ่มประเทศยุโรปเอง เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2557 นั้นได้ประเมินว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวตามแนวโน้มของอุปสงค์ต่างประเทศที่ปรับตัวที่ขึ้น นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และ ตลาดการเงินที่ปรับตัวดีขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทได้เสนอขายกองทุนน้องใหม่ คือ กองทุนเปิดทหารไทยยูโรเปี้ยน โกรท ทริกเกอร์ 5+5 โดยกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก Franklin Eu-ropean Growth Fund ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และกองทุนอาจจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุน ซึ่งมูลค่าเงินทุนโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท

กองทุนเปิดดทหารไทยยูโรเปี้ยน โกรท ทริกเกอร์ 5+5 นั้นลงทุนในกองทุนหลักชั้นยอดที่ชื่อหลัก Franklin Eu-ropean Growth ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย Luxembourg มีการบริหารเชิงรุก (Active) คัดเลือกหุ้นแบบ Bottom-up เน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีในภูมิภาคยุโรปที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงในระยะกลางถึงระยะยาว

โดยกองทุนเปิดทหารไทยยูโรเปี้ยน โกรท ทรกเกอร์ 5+5 นั้น ออกแบบในลักษณะ Trigger Fund โดยกำหนดเป้าหมายทำกำไรรวม 10 % ใน 1 ปี โดยระหว่างทางเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 10.5บาท ( ร้อยละ5 ) จะทำการรับซื้อคืนอัตโนมัติทรัพย์สินของกองทุนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนและเมื่อมูลค่าหน่อยลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 11 บาท บริษัทจะสับเปลี่ยนทรัพย์สินของกองทุนที่เหลือทั้งจำนวนให้ผู้ถือหน่วยลงทุน ทุกราย



แหล่งข้อมูล จากหนังสือ MAGAZINE FOR BANKING AND INSURANCE


ทีเอ็มบีเพิ่มฐานลูกค้าบรรษัทข้ามชาติ ปล่อยสินเชื่อ 485 ล้านบาทสนับสนุน จีพีวี กรุ๊ป ตั้งฐานการผลิตในไทย

13 กุมภาพันธ์ 2557



   นาย ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบี กล่าวว่า "อุตสาหกรรมไฟฟ้าและ อิเล็กทรอนิกส์ ของไทยมีการเติบโตและขยายตัวมาเป็นเวลาเกือบสามทศวรรษ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอุตสาหกรรมไฟฟ้าและ อิเล็กทรอนิกส์ มีได้เพียงแต่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศจากการสร้างรายได้ในภาคการส่งออกเพียงอย่างเดียว แต่ยังนำพาประเทศไทยสู่ความเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย ซึ่งการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2015 นั้น จะยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เพราะการรวมตัวกันของ 10 ประเทศในภูมิภาคนี้ จะทำให้ AEC เป็นตลาดขนาดใหญ่แบบครบวงจรและมีผู้บริโภคถึงกว่า 600 ล้านคน AEC จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ผลิต ที่จะได้รับประโยชน์จากการส่งต่อสินค้า เงินทุน การบริการ การลงทุนและ แรงงานอย่างเสรี"

   จีพีวี กรุ๊ป เป็นผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรและอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเดนมาร์ก โดยเป็นผู้ให้บริการแก่อุตสาหกรรมหลายประเภท และมีฐานการผลิตในประเทศไทยมาเป็นเวลานาน การลงทุนในประเทศไทยของจีพีวี กรุ๊ป เกิดจากความต้องการเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และวิสัยทัศน์ในการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน การจัดส่งสินค้า และการจัดหาสินค้าจากทั่วโลก ซึ่งจีพีวี กรุ๊ปได้ให้ความสำคัญกับความสำเร็จของการลงทุนครั้งนี้เป็นอย่างมาก ทีเอ็มบี ในฐานะที่เป็นผู้สนับสนุนบรรษัทข้ามชาติที่กำลังมองหาการลงทุนและโอกาสในการบรรลุข้อตกลงกับคู่ค้าทางธุรกิจในประเทศ ด้วยบริการทางการเงินที่หลากหลายและเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า เชื่อว่าการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อจำนวน 485 ล้านบาท จะช่วยให้จีพีวี กรุ๊ป มีความคล่องตัวอย่างเพียงพอ สำหรับการซื้อที่ดินและการสร้างโรงงานในประเทศไทย

    นาย พอล วิกโก บาร์เทลส์ ปีเตอร์เสน ประธาน จีพีวี กรุ๊ป กล่าวว่า "การเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับความยั่งยืนขององค์กร ซึ่งการขยายการลงทุน และการสร้างโรงงานใหม่ในประเทศไทยนี้จะช่วยเสริมกำลังการผลิตที่มีอยู่และจะสามารถรักษาโอกาสทางธุรกิจของเราได้ โดยจีพีวีกรุ๊ปได้เริ่มลงทุนก้อนแรกไปแล้ว 290 ล้านบาท สำหรับ การวางแผนงานทั้งหมด ซึ่งรวมถึง การซื้อที่ดิน และค่าใช้จ่าย ในการก่อสร้าง โดยโรงงานใหม่ที่เขตอุตสาหกรรมบางปูนี้ จะพร้อมดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2015"

อ้างอิง :  ธนาคารทหารไทย(TMB)  https://www.tmbbank.com/newsroom/news-details.php?id=529

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557

ที่ผ่านมาแม้ธนาคารพยายามปรับปรุงธุรกรรมทางการเงินอย่างไม่หยุดนิ่งแต่มีอีกกลยุทธ์ที่ TMB ให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือ"การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตัวลูกค้าของธนาคารโดยเฉพาะฐานลูกค้ารายย่อย และ SME"


                                                                                                   ที่ผ่านมาได้เริ่มปล่อยสินค้าตัวนี้ตั้งแต่เดือนเม.ย.56 จนถึงเดือน ต.ค. ก็มีวงเงินปล่อยกู้ได้ถึง 6,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าตอบสนองกลยุทธ์สินเชื่อเชิงรุกของธนาคารได้อย่างดี อโครงการสินเชื่อธุรกิจ 3 เท่า 3ก๊อก หากTMB เห็นเงินในบัญชีลูกค้ามีเพิ่มขึ้นจากธุรกิจที่เติบโต TMB ก็จะสอบถามลูกค้าทันทีว่าต้องการสินเชื่อหรือไม่โดยไม่ต้องรอลูกค้าเข้ามาขอขยายวงเงิน วิธีนี้จะช่วยขยายวงเงินสินเชื่อแก่ลูกค้าเก่าที่มีศักยภาพได้เป็นอย่างดี 
                  ปพนธ์ เปิดเผยว่า เห็นได้ว่าที่ผ่านมาแม้ธนาคารพยายามปรับปรุงธุรกรรมการเงินอย่างไม่หยุดนิ่ง แต่ยังมีอีกกลยุทธ์ที่ TMB ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน คือ การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตัวลูกค้าของธนาคาร โดยเฉพาะฐานลูกค้ารายย่อย และ SME เพราะเชื่อว่าหากลูกค้าที่เป็นเจ้าของธุรกิจบริหารธุรกิจได้มีประสิทธิภาพสูงสุดแล้ว ก็มีโอกาสเติบโตได้ดีและกับมาใช้บริการกับธนาคารเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น TMB จึงจัดโครงการพัฒนาประสิทธิภาพธุรกิจภายใต้โครงการ  "TMB Effficiency Improvement For Supply Chain" ซึ่งนำทฤษฎี Lean Six Sigma เครื่องมือการลดต้นทุนการผลิต ที่เน้นการลดความผิดพลาดจากการบริหารงานไม่มีสต๊อก ไม่มีของเสีย เข้ามาใช้พัฒนาลูกค้า SME เพราะต่อไปการแข่งขันธุรกิจจะยิ่งรุนแรงขึ้น จึงต้องมีวิธีบริหารใหม่ๆ เข้ามาช่วยลูกค้า แต่วิธีที่ TMB นๆมาใช้จะไม่ทำแค่การอบรมหลักสูตรทฤษฎีกว้างๆ แต่จะเน้นเฉพาะเรื่อง มีแนวทางปฏิบัติเป็นรูปธรรม รวมทั้งทำให้เกิดการเชื่อมโยงธุรกิจทั้งระบบและติดตามประเมินผลลูกค้าด้วย โดยโครงการเเรกจะร่วมมือกับ "เบทาโกร" บริษัทผู้ผลิตอาหารแถวหน้าของประเทศ ในการพัฒนาธุรกิจกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำให้เดินหน้าไปด้วยกัน โดยทุกฝ่ายจะมีโอกาสแลกเปลี่ยยนปัญหา เสนอวิธีแก้ไขให้สอดคล้องและสมดุลกันทั้งระบบ
                ที่ผ่านมาได้ทำโครงการนำร่องไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้วเพื่อศึกษาข้อดีข้อเสียและยังร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิริธรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปรับปรุงก่อนเริ่มโครงการจริงในเดือน พ.ย. นี้ โดยเบื้องต้นตั้งเป้าหมายบริษัทเข้าร่วม 50 ราย ซึ่งเปิดกว้างให้ทั้งลูกค้าของธนาคารและทั่วไปเข้าร่วมได้ สาเหตุที่เลือกธุรกิจอาหาร เพราะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ มูลค่าตลาดสูงถึง 17 เปอร์เซนต์ ของ  GDP และมี SME อยู่มากซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายของ TMB สำหรับเป้าหมายเมื่อจบโครงการ คาดว่าจะเกิดการรวมกลุ่มสามารถแบ่งปันความรู้ การแก้ปัญหา มีการติดต่อสื่อสารกัน เกิดการเชื่อมโยงธุรกิจ สามารถต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้ โดยธนาคารตะมีคลีนิกเพื่อติดตามการทำงานเพื่อแก้ปัญหา 
                จากการมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมการเงินสำหรับลูกค้า SME อย่างต่อเนื่อง TMB คาดหวังว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มในอนาคต หลังจากเมื่อ 3 ปีที่แล้ว TMB มีส่วนแบ่งไม่เดกิน 6 เปอร์เซนต์ เเต่ปัจจุบีันเพิ่มเป็น 13 เปอร์เซนต์ และตั้งเป้าหมายใน 5 ปีข้างหน้า จะต้องเป็นผู้นำในอันดับต้นๆ ไม่เกินอันดับ 3 หรือ 4 โดยมีส่วนแบ่งตลาดในสินเชื่อ SME ประมาณ 20 เปอร์เซนต์ เพื่อให้มีบทบามสามารถกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมได้ 
               สำหรับแผนในปี 57 TMB ยังตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกรรมทางการเงินให้เด่นชัดเหมือนเดิม โดยเน้นเรื่องบริการที่เฉพาะเจาะจง พร้อมกับต่อยอดการให้บริการเดิมให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น อย่างในปลสยปีนี้จะออกผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า Liquidity Account คือการที่ลูกค้ามีหลายบัญชี หลสยธนาคาร ก็สามารถนำเงินมารวมไว้ที่บัญชี TMB ที่เดียวได้   และกระจายไปบัญชีอื่นได้ เพื่อที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องทิ้งเงินไว้ในหลายบัญชี หลายธนาคาร และช่วยแก้ปัญหากรณีมีเงินทิ้งไว้ในบัญชีหนึ่งแต่หากอีกบัญชีหนึ่งมีเงินไม่พอก็ต้องกู้โอดีมาจ่าย เสียดอกเพิ่ม 
               ตรงนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและการทำธุรกรรมที่จับต้องได อนาคต TMB  ยังมีความมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และบริการใหม่ๆ เพื่อสนองตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าธุรกิจอย่างต่อเนื่องตรงจุด ตามแนวคิดของธนาคารที่ว่า "ธุรกรรมทางการเงินต้อง TMB"




อ้างอิง : หนังสือ  CUSTOMS IMPORT-EXPORT

ผู้นำด้านธุรกรรมการเงินย่างก้าวที่แข็งแกรงของ TMB

         หลังจากผ่านการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ธนาคารทหารไทย หรือ TMB สามารถกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และล้างขาดทุนสะสมกว่า 1 แสนล้านบาท ให้กลับมามีกำไรได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้ชื่อของ TMB ในวันนี้ กลายเป็นสถาบันการเงินที่ถูกจับจ้องจากวงการการเงินทั่วประเทศในฐานะผู้นำการให้บริการธุรกรรม และผู้สร้างนวัตกรรมการเงินที่โดดเด่น


        
        ทุกย่างก้าวของ TMB หลังจากนี้ จะยิ่งหน้าติดตามว่าจะไปในทิศทางใด และวงการการเงินในประเทศต้องปรับตัวกันเพียงใด ปพนธ์ มังคละธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอสเอ็มอีและซัพพลายเชน TMB จะมาเผยถึงทิศทางแผนการดำเนินงานของ TMB โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้า SME ที่กำลังมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว 

       ปพนธ์ เริ่มต้นว่า แม้ธุรกิจการเงินการธนาคารของไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะแข่งขันกันอย่างรุนแรง ทั้งดอกเบี้ย การออกผลิตภัณฑ์ รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย แต่ทว่า TMB ขนาดตัวได้อย่างน่าพอใจ โดยภาพรวมของ 9 เดือนที่ผ่านมาในปี 56 นี้มีผลดำเนินงานเติบโตตามเป้าหมาย โดยเฉพาะในส่วนสินเชื่อ SME มียอดคงค้างถึง 165000ล้านบาท  เติบโตขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่ผ่านมาที่มี 130000 ล้านบาท และคาดหวังเมื่อสิ้นปีตัวเลขจะก้าวไปถึง 190000 ล้านบาท ขณะที่สินเชื่อธุรกิจรายเล็กอยู่ที่ 90000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ จากเมื่อต้นปีที่แล้ว 65000 ล้านบาท และเมื่อครบปี 56 จะเติบโตถึง 40 เปอร์เซ็นต์ หรือมียอดสินเชื่อรวม 100000 ล้านบาท

      การเติบโตแบบก้าวกระโดดที่เกิดขึ้นนี้ มาจากการทุ่มเทปรับกลยุทธ์ดำเนินงานใน 1-2 ปีที่ผ่านมาเพราะหลังจากวางแผนใหม่ก็ทำให้ต้นทุนทางการเงินของธนาคารลดลงจนใกล้เคียงกับธนาคารขนาดใหญ่ประกอบกับมีการออกแบบผลิตภัณฑ์การเงินใหม่ที่แตกต่างและสนองตอบต่อความต้องการของลูกค้าตลอดเวลา ทำให้ผลงานต่างๆ เริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะการใช้แคมเปญ " ธุรกรรมการเงินต้อง TMB " เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าทั้งกลุ่มธุรกิจและลูกค้าทั่วไปรับรู้ว่า TMB ต้องการเป็นผู้นำด้านธุรกรรมทางการเงินทำให้ภาพลักษญ์และทิศทางของธนาคารชัดเจนขึ้น 

      " มุมมองการแข่งขันสำหรับ TMB เน้นจุดแข็งในเรื่องของธุรกรรมการเงินและการบริการทางการเงิน ในเรื่องของผลิตภัณฑ์เราต้องการฉีกตัวเองให้แตกต่างจากคู่แข่งเพื่อให้ลูกค้าเห็นเราได้ชัดเจน พร้อมกับพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่เสมอๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับลูกค้าได้มากที่สุด ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพการบริการแบ่งเป็น 2 ด้าน คือด้านการเงิน ลูกค้าจะต้องทำธุรกรรมได้สะดวกขึ้น ค่าบริการถูกลง อีกด้านคือการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการดำเนินการแก่ลูกค้า เพราะเมื่อทั้ง 2 อย่างก้าวไปดีขึ้น ก็ทำให้ธุรกิจโดยรวมมีประสิทธิภาพและแข่งขันได้ "

         จุดสำคัญที่ลูกค้าได้รับเมื่อทำธุรกรรมกับ TMB คือลูกค้าจะมีต้นทุนทางการเงินที่ถูกลง แต่ไม่ได้ว่าจะแข่งขันกันด้วยดอกเบี้ย แต่จะเน้นการเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆที่ลดลง เพราะหากนำมาเทียบแล้วจะถูกกว่าการฝากได้ดอกเบี้ยสูง รวมถึงการได้รับบริการที่สะดวก ไม่วุ่นวาย ในเรื่องกฎระเบียบ การโอนเงินต่างๆช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบริหารกระแสเงินสดได้ดีขึ้น

    ตัวอย่าง ที่ผ่านมาเมื่อลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองที่อยู่ต่างพื้นที่จะเสียค่าธรรมเนียมการโอน แต่หากเปิดบัญชีกับ TMB ลูกค้าจะไม่เสียค่าธรรมเนียมการโอนเพราะถือเป็นบัญชีเดียวกัน จึงยกเลิกค่าธรรมเนียมในส่วนนี้ไป ถือเป็นการยกระดับการให้บริการอย่างต่อเนื้องจากก่อนหน้านี้มีแคมเปญ “One Bank One Account” ที่ให้สิทธิลูกค้าสามารถทำธุรกรรมโฮนเงินข้ามธนาคารได้ฟรีสูงสุดถึง 30 รายการต่อเดือน  หรือการใช้เช็ค ซึ่งเป็นธุรกรรมการเงินที่ได้รับความนิยมจากธุรกิจ SME เกินกว่าครึ่ง ธนาคารได้ปรับธุรกรรมใหม่เพื่อให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุดโดยเมื่อลูกค้ารับเช็คและนำเข้าบัญชีตัวเองจะไม่เสียค่าธรรมเนียม ต่างจากธนาคารอื่นที่นำเช็คเข้าต่างสาขา หรือต่างพื้นที่จะเสียค่าธรรมเนียมทันทีที่สำคัญหากเป็นเช็คของ  TMB เมื่อนำมาเข้ากับ TMB ก็สามารถเคลียร์เงิน และจ่ายเงินให้ภายในวันเดียว เท่ากับว่าลูกค้าจะได้รับเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากการไม่เสียค่าธรรมเนียมและยังได้เงินสดไปใช้ไวขึ้นอีกด้วย

    อย่างไรก็ตามถึงตอนนี้เรายังไม่สามารถบอกได้ว่าประสบความสำเร็จ แต่แนวทางที่ผ่านมาก็ถือว่าได้ผลน่าพอใจ เพราะก่อนหน้านี้ได้ออกผลิตภัณฑ์ไปแต่ยังไม่ชัดเจน แต่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พอมีการยกระดับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ผลตอบรับจากลูกค้าก็ชัดขึ้น เห็นได้จากยอดการเปิดบัญชีใหม่ในเดือน ส..-.. เพิ่มจากเดือนละประมาณ 1,000 บัญชีมาอยู่ที่ 2,ooo กว่าบัญชี  รวมถึงยอดการใช้เช็คที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว เงินฝากในภาคธุรกิจก็เพิ่มขึ้นประมาณ 4,oooล้านบาท และธุรกรรมต่างๆก็เพิ่มขึ้นทั้งหมดเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์

    ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอสเอ็มอีและซัพพลายเซน กล่าวต่อว่าแม้ภาพรวมจะออกมาตี แต่ TMB ไม่ได้หยุดนิ่งในการนำเสนอบริการใหม่ๆ โดยได้เรียนรู้และปรับการให้บริการอย่างต่อเนื้อง อย่างตอนที่ออก “One Bank One Account” ซึ่งเน้นการทำธุรกรรมภายในธนาคารเอง แตต่ในความจริงพบว่าลูกค้าเกิน 70 เปอร์เซ็นต์ ยังติดต่อกับคู่ค้าต่างธนาคารอยู่ ดังนั้นธนาคารก็อาจพิจารณาเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ นอกจากการโอนข้ามธนาคารแล้วจะลดค่าธรรมเนียมการโอนข้ามธนาคารที่มียอดการโอนเงินมูลค่าสูง (BAHTNET) ลงเหลือแค่ 50 บาท ต่อรายการ ต่างจากธนาคารทั่วไปที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูง บางครั้งถึงหลายพันบาทก็มี

   นอกจากนี้ยังมีบริการเตือนการออกเช็คแก่ลูกค้า เพราะบางทีลูกค้าไม่แน่ใจว่าเช็คที่เขียนไปนั้นมีเงินพอจ่ายหรือไม่ก็จะส่งข้อความ sms เตือนลูกค้าก่อนเวลา 17.00. ในกรณีที่เงินไม่พอ เพื่อให้ลูกค้านำเงินเข้าบัญชีเพิ่มเติมได้ตามสาขาในห้างสรรพสินค้าที่ปิดบริการช้า ขญะที่ลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่ ธนาคารก็มีบริการเสริมคอยดูแลและเรียกเก็บเช็คให้ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพบริการแก่ลูกค้าของเรา

  หลายท่านอาจสงสัยว่าการที่ธนาคารปรับลดค่าธรรมเนียมจะกระทบต่อรายได้หรือไม่นั้น เรื่องนี้  TMB มองว่า ต้องดูประโยชน์ระยะยาวเพราะไม่สามารถปฎิเสธว่าธนาคารต้องการค่าธรรมเนียมอยู่ แต่การคิดค่าธรรมเนียมที่สมเหตุสมผล อย่างค่าธรรมเนียม BAHTNET ที่เก็บ 50 บาทนั้นยังมีกำไรอยู่ หรืออย่าง“One Bank One Account”คือลูกค้าที่เอาเช็คเข้าบัญชีของธนาคารอื่นอาจต้องเสียเวลาเคลียร์เช็คหลายวัน แต่ถ้าลูกค้าอยากได้เงินเร็วธนาคารก็สามารถทำให้ได้เลย ซึ่งหากเราเก็บอัตราที่พอดีจะช่วยขยายลูกค้าได้เพิ่ม อีกทั้งเม็ดเงินต่างๆ จะเข้ามาที่ธนาคารเรามากขี้น และนำไปใช้ต่อยอด รวมถึงหารายได้จากส่วนต่างของดอกเบี้ยได้เพิ่มด้วย

  นอกจากยกระดับการเพิ่มประสิทธิภาพบริการ เพื่ออำนวยความสะดวกและลดต้นทุนแก่ลูกค้าแล้ว ในด้านของผลิตภัณฑ์ทางการเงินธนาคารก็ไม่ละทิ้งเช่นกัน โดยมีการออกแคมเปญใหม่ๆ เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดตัว สินเชื่อธุรกิจ” 3เท่า3ก๊อก”  สำหรับลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการ SME ทุกประเภทที่มียอดขายไม่เกิน50ล้านบาทต่อปี เพราะลูกค้ากลุ่มนี้ถือเป็นฐานลูกค้าสำคัญที่ธนาคารมุ่งขยายฐาน โดยสินเชื่อชนิดนี้ ลูกค้าจะได้รับสิทธิถึง 3 ต่อ

    ก๊อกหนึ่ง  วงเงินสูงสุด 3 เท่าของมูลค่าหลักประกัน
    ก๊อกสอง  วงเงินเพื่อฉุกเฉิน สูงสุด 15 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินเดิมและรับเงินได้ใน3วันทำการ
    ก๊อกสาม  สามารถขยายวงเงินได้อีก 1เท่าของมูลค่าหลักประกัน โดยพิจารณาจากแนวโน้มของธุรกิจการเดินบัญชีและพฤติกรรมของลูกค้า







อ้างอิง : หนังสือ Customs Import-Export

ทีเอ็มบี บุกตลาดกลุ่มลูกค้าครอบครัว เสนอบัญชีเงินฝากออมทรัพย์แทนความห่วงใย ฟรีคุ้มครองอุบัติเหตุสูงถึง 1 ล้านบาท

กรุงเทพฯ, 11 มีนาคม 2557 



   ทีเอ็มบี รุกตลาด เจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัว ด้วยแนวคิด TMB The Better Family ‘ให้คำว่ารัก... ยิ่งใหญ่มากขึ้น’ ด้วย “บัญชีเงินฝากออมทรัพย์แทนความห่วงใย” (TMB Savings Care Account) ที่ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุในกรณีเสียชีวิต 20 เท่าของยอดเงินฝาก สูงสุด 1 ล้านบาท โดยไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันเพิ่มเติม เพียงมีเงินออมในบัญชีตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป

นายเบอร์นาร์ด คุ๊ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้ารายย่อย ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากการที่ ทีเอ็มบี ได้ศึกษาข้อมูลเพื่อพัฒนาสิทธิประโยชน์ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พบว่ากลุ่มลูกค้าในช่วงอายุระหว่าง 30-45 ปี ที่มีครอบครัว ซึ่งมีมากกว่า 16 ล้านคนทั่วประเทศ เป็นกลุ่มที่มี ‘ลูก’ เป็นเป้าหมายสำคัญของชีวิต ลูกค้ากลุ่มนี้จะเน้นการสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับ ‘ลูก’ เช่น มีการศึกษาที่ดีในอนาคต มีความมั่นคงในการดำรงชีวิต ทีเอ็มบียึดมั่นในแนวคิดหลัก Make THE Difference ทำให้เรามุ่งท้าทายความคิดและวิธีการดำเนินงานเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินเพื่อสร้างคุณค่าและมอบสิทธิประโยชน์ที่ช่วยให้ชีวิตของลูกค้าดีขึ้น โดยการตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินในทุกด้านของลูกค้า อาทิ การเก็บเงินในระยะสั้นที่มีความคล่องตัว การออมเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาในระยะยาว การคุ้มครองและดูแลค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและด้านอื่นๆ ในครอบครัว เป็นต้น จึงเกิดเป็นแนวคิด TMB The Better Family ‘ให้คำว่ารัก... ยิ่งใหญ่มากขึ้น’ ที่จะเป็นตัวช่วยของครอบครัวในการวางแผนการออมและจัดการด้านการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทีเอ็มบีเป็นธนาคารแห่งแรกในประเทศที่ได้นำเสนอ TMB The Better Family ผลิตภัณฑ์ทางการเงินสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีครอบครัว”
นายเบอร์นาร์ด คุ๊ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้ารายย่อย ทีเอ็มบี กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า แนวคิด TMB The Better Family ‘ให้คำว่ารัก... ยิ่งใหญ่มากขึ้น’ มุ่งเน้นการพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า ประกอบด้วย "TMB Better Saving – ออมเพื่อลูก” ที่นำเสนอผ่านผลิตภัณฑ์การเก็บออมเพื่อลูกและครอบครัวที่ให้ทั้งสิทธิประโยชน์และความคล่องตัวสูง "TMB Better Future – วางแผนการเงินเพื่อวันข้างหน้า" นำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยวางแผนการเงินในอนาคตสำหรับเป็นทุนการศึกษาของลูกในระยะยาว และ "TMB Better Protection – คุ้มครองคนที่คุณรัก” นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยดูแลสุขภาพของลูกและทุกคนในครอบครัวอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นธนาคารยังมีเป้าหมายที่จะมอบผลิตภัณฑ์เงินฝากเพื่อให้การทำธุรกรรมทางการเงินของครอบครัวมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และประหยัดมากยิ่งขึ้น ตลอดจนผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ช่วยเติมเต็มฝันและความต้องการของทุกคนในครอบครัว

cr.ธนาคารทหารไทย ( TMB )

https://www.tmbbank.com/newsroom/news-details.php?id=535