วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

TMB ปล่อยกู้ SYMC 300 ลบ.ขยายโครงข่ายวงจรสื่อสารความเร็วสูง

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2557 12:09:44 น.
นายพีรพงศ์ นิธิไกรวุฒิ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าบรรษัทธุรกิจ 1 ธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ให้การสนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติมจำนวน 300 ล้านบาท แก่บมจ.ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น(SYMC) เพื่อขยายโครงข่ายโครงสร้างพื้นฐานสำหรับวงจรสื่อสารความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากในปีที่ผ่านมาปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตของคนไทยเพิ่มสูงขึ้นถึง 40% และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมผู้ใช้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และในระดับภูมิภาคจากประเทศเพื่อนบ้าน
ธนาคารมองว่าปัจจุบันประเทศไทยยังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับอินเทอร์เน็ตและแอพพลิเคชั่นต่างๆ  ดังนั้น โอกาสการเติบโตของผู้ให้บริการวงจรสื่อสารความเร็วสูงจึงยังมีอีกมาก เรียกว่าเติบโตควบคู่กับความต้องการของประชาชนและภาคธุรกิจก็ว่าได้ ธนาคารมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของ SYMC ซึ่งมีความสามารถในการตอบสนองความต้องการของตลาดในระยะยาวและมีรายได้ที่เติบโตสม่ำเสมอจากการให้เช่าโครงข่ายการสื่อสาร
ในปีนี้ ธนาคารจึงได้ให้การสนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติมจำนวน 300 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่มีอยู่จำนวน 200 ล้านบาท  สำหรับนำไปลงทุนขยายโครงข่ายโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม โดย SYMC มีเป้าหมายที่จะขยายพื้นที่การให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการวงจรความเร็วสูงระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับ ธุรกรรมการสื่อสารที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558
นายกรัณย์พล อัศวสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ SYMC กล่าวว่า บริษัทได้ขยายพื้นที่ให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตรงกับความต้องการการเชื่อมต่อที่มากขึ้น และขยายแบนด์วิดธ์เพิ่มขึ้น เช่น การเชื่อมต่อในโครงข่ายส่วนบุคคล ดิจิตอลทีวี โทรศัพท์ 3G
ทั้งนี้ บริษัทเป็นผู้ให้บริการวงจรสื่อสารความเร็วสูงภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยใช้โครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงเป็นโครงข่ายหลัก เพื่อรองรับการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โดยเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สอง ประเภทมีโครงข่ายเป็นของตนเอง จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในปี 2549 และในปี 2554 บริษัทได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม เพื่อให้บริการวงจรเช่าส่วนบุคคลระหว่างประเทศ (International Private Leased Circuit : IPLC) ใบอนุญาตเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ระหว่างประเทศ (International Internet Gateway : IIG) และบริการชุมสายอินเทอร์เน็ต (National Internet Exchange : NIX) แบบที่สอง และได้รับอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยี Wi-Fi เพิ่มเติมจากโครงข่ายเดิมตามใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สอง ประเภทมีโครงข่ายเป็นของตนเองฉบับเดิม
นอกจากนี้ บริษัท ยังได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม การให้บริการอินเทอร์เน็ตแบบที่หนึ่ง  และใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์เพื่อให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ระดับชาติในปี 2556

อ้างอิง : http://www.ryt9.com/s/iq05/1928834

ประยุทธ์ไขก๊อกบอร์ดTMB 'อารีพงศ์'นั่งคุมกรุงไทย

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- ศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2557 00:00:56 น.

                                    'บิ๊กตู่'ลาออกบอร์ด'ธ.ทหารไทย' โชว์สปิริตผู้นำมีผลแล้วตั้งแต่วันนี้

ไทยโพสต์ * "ประยุทธ์" ลาออกกรรมการแบงก์ทหารไทย ด้านกรุงไทยแต่งตั้ง "อารีพงศ์" นั่งประธานบอร์ดคนใหม่
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. นายเอกพล ณ สงขลา เลขานุการ ธนาคารทหารไทย (TMB)ทำหนังสือแจ้งกรรมการและผู้จัด การตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย (ตลท.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการธนาคาร มีผลตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.2557 เป็นต้นไป
ด้านธนาคารกรุงไทย (KTB) ทำหนังสือแจ้ง ตลท.ว่า ที่ประ ชุมคณะกรรมการธนาคาร ครั้งที่ 13/2557 (880) เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2557 มีการพิจารณาแต่งตั้งประธานกรรมการธนาคาร ประ ธานกรรมการบริหาร ประธานกรรมการอิสระ และกรรมการตรวจสอบ โดยแต่งตั้ง นายอารี พงศ์ ภู่ชอุ่ม เป็นประธานกรรม การและกรรมการ แทนนายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ที่ขอลาออก โดยธนา คารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ ให้ความเห็นชอบแล้ว มีผลตั้ง แต่วันที่ 27 มิ.ย.2557 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ยังแต่งตั้ง นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ เป็นประ ธานกรรมการบริหาร แทนนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ที่ขอลาออก พร้อมทั้งแต่งตั้ง นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม เป็นประธานกรรมการอิสระ แทนนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการตรวจสอบ และกรรมการอิสระ โดยคณะกรรมการอิสระ จะประกอบด้วย นายอารีพงศ์ ประธาน นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์, นายนนทิกร กาญจนะจิตรา และนายกัลยาณะ วิภัติภูมิประเทศ เป็นกรรมการ
นอกจากนี้ ได้แต่งตั้งนาย กัลยาณะเป็นกรรมการตรวจสอบ แทนนายประเสริฐ โดยคณะกรรม การตรวจสอบ ประกอบด้วย นาย จุลสิงห์ ประธาน นายนนทิกร และนายกัลยาณะ เป็นกรรมการตรวจสอบ.

อ้างอิง : http://www.ryt9.com/s/tpd/1928323

TMBAM จับกระแสออก 3 กองทุนน้องใหม่ทั้งตราสารหนี้ หุ้นญี่ปุ่น และ อสังหาริมทรัพย์ RMF เปิดขายครั้งแรก 30 มิถุนายน – 4 กรกฎาคม ศกนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2557 14:53:29 น.
กรุงเทพฯ--26 มิ.ย.--บลจ.ทหารไทย
ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้เตรียมออกกองทุนใหม่จำนวน 3 กองทุน กระจายไปตามสินทรัพย์หลักที่อยู่ในความสนใจของผู้ลงทุน ประกอบด้วยตราสารหนี้ หุ้นญี่ปุ่น และอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ “กองทุนเปิดทหารไทยธนไพบูลย์” กองทุนรวมตราสารหนี้น้องใหม่ในตระกูล “ธนแฟมิลี่” ที่ผู้จัดการกองทุนมืออาชีพได้คัดสรรตราสารหนี้คุณภาพทั้งของไทยและต่างประเทศมานำเสนอให้กับผู้ลงทุนที่ตั้งใจลงทุนในระยะเวลาค่อนข้างยาวคือ1ปีขึ้นไป “กองทุนเปิดทหารไทย Japan Equity Trigger 8” ที่ต่อยอดความสำเร็จของ 2 กองทุนทริกเกอร์หุ้นญี่ปุ่นที่ได้ออกมาก่อนหน้า และ “กองทุนเปิดทหารไทย พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส เพื่อการเลี้ยงชีพ” เพื่อผู้ลงทุนที่ต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษีและสนใจการลงทุนในกองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ทั้งไทยและต่างประเทศ
“เรามั่นใจว่ากองทุนตราสารหนี้น้องใหม่ “ธนไพบูลย์” ของเราจะสานต่อความสำเร็จในการบริหารกองทุนตลาดเงินและตราสารหนี้ในตระกูล “ธนแฟมิลี่”และทำให้เราก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่งทั้งด้านศักยภาพการเติบโตของสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารจัดการโดยรวม จากปัจจุบันที่บริษัทฯได้บริหารกองทุนรวมตลาดเงินและตราสารหนี้เติบโตมาโดยลำดับคิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวมกันกว่า 140,000 ล้านบาท และในด้านการยกระดับผลตอบแทนที่เชื่อได้ว่าหากผู้ลงทุนได้ลงทุนเป็นเวลานานเพียงพออาทิเช่น1ปีขึ้นไป จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่พึงพอใจและคาดหวังได้ถึงผลตอบแทนที่น่าจะสูงกว่าเงินเฟ้อและการฝากเงินแบบประจำกับธนาคารพาณิชย์ทั่วไป รวมถึงน่าจะดีกว่ากองทุนตราสารหนี้อื่นในตระกูล “ธนแฟมิลี่” ของเรา
เพื่อยกระดับของผลตอบแทน “ธนไพบูลย์” จึงออกแบบโดยกำหนดนโยบายการลงทุนให้สามารถลงทุนในตราสารหนี้ได้กว้างขวางและหลากหลายรูปแบบกว่าเดิม ทั้งพันธบัตร ตราสารหนี้ภาครัฐ สถาบันการเงินและภาคเอกชน ซึ่งนอกจากลงทุนในประเทศแล้วยังเปิดกว้างสำหรับการลงทุนต่างประเทศ (มีการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนเกือบเต็มจำนวน) ขณะเดียวกันผู้จัดการกองทุนมืออาชีพจะใช้กลยุทธ์เชิงรุกในการบริหารพอร์ตลงทุน มุ่งสร้างสมดุลย์ของผลตอบแทนและสภาพคล่อง โดยจัดสรรการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพระยะปานกลางถึงยาวให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มผลตอบแทน ขณะที่ยังรักษาสภาพคล่องซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการด้วยพลังของตราสารหนี้ระยะสั้น ทั้งนี้คาดว่าอายุเฉลี่ยพอร์ตการลงทุน (Duration) ในระยะแรกจะอยู่ที่ประมาณ 1 ปีและในระยะยาวจะไม่เกิน 4 ปีซึงถือได้ว่ายาวที่สุดในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ของเรา ด้วยเหตุนี้ NAV ในระหว่างทางของกองทุนนี้จึงอาจมีความผันผวนมากกว่ากองทุนตราสารหนี้อื่นอยู่บ้าง จึงแนะนำให้ผู้ลงทุนลงทุนถือครองให้ยาวนานขึ้น” ดร.สมจินต์กล่าว
คุณไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ“กองทุนเปิดทหารไทย Japan Equity Trigger 8” ว่าระดับราคาหุ้นญี่ปุ่นยังคงน่าสนใจจากปัจจัยบวกทั้งภาครัฐและธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ยังคงมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ และบริษัทจดทะเบียนญี่ปุ่นที่มีพื้นฐานที่เข้มแข็งอยู่แล้วนั้นมีผลกำไรเติบโตขึ้น เราพบว่าข้อมูลจาก Bloomberg ระบุความเห็นนักวิเคราะห์จากการสำรวจครั้งล่าสุดได้คาดการณ์ดัชนี Nikkei 225 ตอนสิ้นปี อยู่ที่ระดับประมาณ 16,500 จุดขึ้นไป โดยค่ากลาง (Median) ที่สำรวจอยู่ที่ 17,150 จุด ซึ่งเติบโตกว่าระดับปัจจุบัน (25 มิถุนายน 2557) ที่ 15,750 จุด ดังนั้น เราจึงเชื่อมั่นว่ากองทุนนี้จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับทั้ง 2 กองทุนทริกเกอร์หุ้นญี่ปุ่นของเราที่ออกมาก่อนหน้า
และสำหรับ “กองทุนเปิดทหารไทย พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส เพื่อการเลี้ยงชีพ” นั้นได้ต่อยอดความสำเร็จจากกองทุนเปิดเดิมที่เพิ่งเปิด IPO เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเชื่อว่าคุณลักษณะของที่สำคัญของอสังหาริมทรัพย์คือการสร้างรายได้ที่เกิดจากค่าเช่าซึ่งมีความเสถียรภาพอยู่พอสมควรน่าจะเหมาะสมกับผู้ลงทุนที่สนใจการลงทุนระยะยาวรูปแบบ RMF นี้” คุณไพศาลกล่าว
ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนรวมทั้ง 3 กองทุนดังกล่าว สามารถติดต่อได้ที่ส่วนลูกค้าสัมพันธ์ TMBAM โทร 1725, ธนาคารทีเอ็มบีทุกสาขา และ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง หรือ www.tmbam.com


อ้างอิง : http://www.ryt9.com/s/prg/1928040

ใช้บัตรเครดิตแบบฉลาด กับ “ทีเอ็มบี โซ สมาร์ท” บัตรแรกและบัตรเดียวของไทย ที่ทำให้

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน 2557 10:02:03 น.

ใช้บัตรเครดิตแบบฉลาด กับ “ทีเอ็มบี โซ สมาร์ท” บัตรแรกและบัตรเดียวของไทย ที่ทำให้เงินงอกเงย


กรุงเทพฯ--26 มิ.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
ไลฟ์สไตล์สำหรับคนยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็น กิน ดื่ม เที่ยว อินเทรนด์กับแฟชั่น ทริปพักผ่อน หรือแม้แต่การ อัพความสวย เพิ่มความงามต่างๆ มักจะเกิดขึ้นจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต อีกช้อยส์หนึ่งของทางเลือกที่ทำให้ไลฟ์สไตล์ของคนเราทุกวันนี้สะดวกสบายมากขึ้น ล่าสุด TMB จัดงานเปิดตัว “บัตรเครดิต ทีเอ็มบี โซ สมาร์ท” (TMB So Smart) ‘บัตรเครดิตของคนใช้เงินสมาร์ท’ บัตรเดียวของไทยที่ช่วยทำให้เงินของคุณเพิ่มพูนขึ้นได้ เสมือนกับเป็นการออมทรัพย์อีกทางหนึ่ง ด้วยการรับเงินคืน 1% ทุกยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเข้าบัญชีเงินฝากไม่ประจำ ทีเอ็มบี ที่ให้ดอกเบี้ยสูง 2.25% โดยงานเปิดตัวได้จัดขึ้น ณ แบงค์กิ้งฮอลล์ ทีเอ็มบี สำนักงานใหญ่ ถนนพหลโยธิน
นางกาญจนา โรจวทัญญู หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารส่งเสริมการตลาดลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบี กล่าวว่า “ด้วยความเป็นแบรนด์ที่ Make THE Difference เราเลือกที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่าง ตรงจุด โดย บัตรเครดิตทีเอ็มบี โซ สมาร์ท ตอบโจทย์คนที่ใช้เงินแบบชาญฉลาด กับเงินเก็บออมที่งอกเงยขึ้นจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต โดยลูกค้าจะได้รับเงินคืน 1% จากทุกยอดการใช้จ่ายไม่ยกเว้นประเภทสินค้าหลักในชีวิตประจำวัน (ยกเว้นยอดซื้อกองทุนรวมซึ่งต้องห้ามตามระเบียบของสมาคมบริษัทจัดการกองทุน, ยอดแบ่งจ่ายรายเดือนต่างๆ และยอดจากการบริการแลกเงินตราต่างประเทศ) เงินที่ได้คืน จะโอนเข้าบัญชีเงินฝากไม่ประจำ ทีเอ็มบี ดอกเบี้ยสูง (TMB No Fixed) ซึ่งลูกค้าจะได้รับดอกเบี้ยสูง 2.25% จากบัญชีดังกล่าว ทั้งนี้ โดยลูกค้าสามารถได้รับยอดเงินคืนสูงสุดถึง 2,000 บาท ต่อรอบบัญชี ซึ่งถือว่าบัตรเครดิตที่ช่วยให้ชีวิตของลูกค้าดีขึ้นจริงๆ ทั้งยังยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้าและไม่คิดค่าธรรมเนียมรายปี แค่มีเงินเดือน 15,000 บาท ก็ทำบัตรเครดิตกับทีเอ็มบีได้”
จูน-สาวิตรี โรจนพฤกษ์ พิธีกรคิวทองที่ร่วมงาน เผยว่า “พกบัตรเครดิตติดตัวตลอด ไม่พกเงินสดแล้ว หลังจากที่ประสบเหตุกับตัวเอง ที่กระเป๋าเงินหายในงานอีเวนท์ เพราะส่วนใหญ่เราต้องอยู่บนเวที อยู่ใน อีเวนท์ ไม่มีคนดูแลกระเป๋าให้ บัตรเครดิตเป็นแค่บัตรเล็กๆ บางๆ พกง่าย อย่างชุดที่ใส่ขึ้นเวที ส่วนใหญ่จะมีกระเป๋าซ่อนในตัวเดรส ที่สามารถใส่บัตรเครดิตได้ ทุกวันนี้ใช้จ่ายในหลักร้อยก็ใช้บัตรเครดิต สำหรับตนเอง คิดว่า การใช้บัตรเครดิตอย่างสมาร์ท คือ ใช้น้อยกว่าเงินที่เราหาได้ คิดอยู่เสมอว่าบัตรเครดิตมีค่าเท่ากับเงินสด และมีกฎเหล็กหรือวินัยกับตัวเอง คือ ใช้เท่าไร ก็ต้องจ่ายให้หมด สำหรับบัตรใหม่ ทีเอ็มบี โซ สมาร์ท รู้สึกว่าได้ประโยชน์เหมือนกับเราซื้อของและได้ส่วนลด แถมยังได้ออมเงิน เพราะเงินจะถูกโอนเข้าบัญชี มีดอกเบี้ยให้ด้วย”
ทั้งนี้ เพื่อฉลองการเปิดตัวบัตรใหม่ ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 31 กรกฎาคมศกนี้ ทีเอ็มบี มอบโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับลูกค้าใหม่ที่เพิ่งถือบัตรเครดิตของทีเอ็มบี โดยสมัครบัตร ทีเอ็มบี โซ สมาร์ทเป็นใบแรก และใช้จ่ายผ่านบัตรฯ 5,000 บาท ขึ้นไป ภายใน 60 วัน จะได้รับเงินคืนเพิ่มอีก 500 บาท เข้าบัญชีเงินฝากไม่ประจำ ทีเอ็มบี ดอกเบี้ยสูง จากเงินคืนปกติ 1% พิเศษ!! ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า และรายปีอีกด้วย
ลูกค้าที่สนใจสมัครบัตรเครดิตทีเอ็มบี โซ สมาร์ท (TMB So Smart) สมัครได้เลยที่ ทีเอ็มบีทุกสาขา หรือ ติดต่อสอบถามรายละเอียด ได้ที่ TMB Contact Center โทร. 1558

อ้างอิง : http://www.ryt9.com/s/prg/1927818

TMB แนะเอกชนปรับตัวรับผลกระทบส่งออก-ลงทุน-ท่องเที่ยว หลัง EU ลดระดับความสัมพันธ์

ข่าววันพุธที่ 25 มิถุนายน นำมาลงวัน อาทิตย์ 29 มิถุนายน 2557

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี(TMB Analytics) ประเมินว่า จากกรณีสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศลดระดับความสัมพันธ์กับประเทศไทย ทำให้ข้อตกลงทางการค้า การลงทุนและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ อาจต้องชะลอออกไปก่อนจนกว่าจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดอียู ทั้งนี้ เนื่องจากยังไม่มีการ sanction หรือห้ามธุรกิจและธุรกรรมระหว่างประเทศ ผลกระทบต่อการทำธุรกิจและธุรกรรมระหว่างเอกชนด้วยกันเองจะยังไม่ได้รับผลกระทบมาก
ใจความหลักสำคัญของมติที่ประชุมของคณะรัฐมนตรีต่างประเทศอียูอยู่ในข้อ 4 ที่ว่า "ให้ประเทศสมาชิกอียูระงับการเยือนอย่างเป็นทางการระหว่างกัน รวมถึงไม่ให้ลงนามกรอบความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือกับประเทศไทย Partnership & Cooperation Agreement (PCA) จนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง" ซึ่งทาง TMB Analytics ประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
ผลกระทบแรก คือ ผลกระทบต่อการส่งออก พบว่าการส่งออกสินค้าไปอียูในปีหน้าจะได้รับผลกระทบอยู่แล้ว เนื่องจากกรอบการได้รับสิทธิ์ GSP ของไทยจะหมดลงในปีนี้ เราประเมินว่าหากข้อตกลง PCA ครอบคลุมการลงนามในข้อตกลง FTA ยิ่งจะทำให้การเจรจาการค้าเสรีไทย-อียู และผลบังคับใช้เลื่อนออกไป ทำให้ในช่วงระหว่างรอเจรจา ผู้ส่งออกไทยต้องเสียภาษีขาเข้าในอัตราปกติ และอาจต้องสูญเสียความสามารถทางการแข่งขันในตลาดยุโรป โดยเฉพาะสินค้าที่พึ่งพิงตลาดอียูมาก ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าและเครื่องประดับ ไก่แปรรูป กุ้งแช่แข็ง และชิ้นส่วนเครื่องจักรอุตสาหกรรม
ผลกระทบลำดับถัดมา คือ ผลกระทบต่อการลงทุน ประเมินว่าในระยะสั้นน่าจะส่งผลกระทบน้อย เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยุโรปยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งกดดันไม่ให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ในระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินลงทุนได้ เนื่องจากการที่อียูระงับการเจรจา PCA ทำให้การวางฐานรากความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านอื่นๆ รวมทั้งทางด้านการลงทุนต้องชะลอออกไปก่อนจนกว่าไทยจะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง (มูลค่าเงินลงทุนของอียูในไทยอยู่อันดับที่ 3 คิดเป็น 8.5%ของเงินลงทุนต่างประเทศ รวม)
ผลกระทบสุดท้าย คือ ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ประเมินว่าได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากมติประชุมดังกล่าวไม่ได้บังคับพลเรือนให้เข้ามาในไทย มีผลเพียงการระงับการเดินทางอย่างเป็นทางการของหน่วยงานราชการของอียูเท่านั้น ทั้งนี้ ตัวเลขนักท่องเที่ยวอียู 5 เดือนแรกของปีนี้พบว่ายังขยายต้ว 6.4% (yoy) ในขณะที่ภาพรวมการท่องเที่ยวหดตัว -5.9%(yoy) อย่างไรก็ดี ต้องจับตาว่าจะมีการลดระดับความสัมพันธ์เพิ่มเติมหรือไม่ และด้วยมาตรการใด
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี มองว่า การลดระดับความสัมพันธ์ครั้งนี้ อาจทำให้ข้อตกลงด้านเศรษฐกิจระหว่างรัฐกับรัฐ (G2G) ต้องถูกเลื่อนออกไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น ดังนั้นโจทย์ใหญ่ของภาครัฐ คือ จะต้องเร่งสร้างความชัดเจนแก่ภาคเอกชนถึงประกาศดังกล่าวว่าครอบคลุมเศรษฐกิจด้านใดบ้าง เพื่อให้ภาคเอกชนได้ปรับตัว ในขณะที่ผู้ประกอบการไทยเองก็จำเป็นต้องเร่งปรับตัวเช่นกัน ด้วยการลดต้นทุนการผลิต และหาตลาดใหม่ รวมถึงออกไปแสวงหาโอกาสการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่ยังได้รับสิทธิ์ GSP อยู่ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะถัดไป

อ้างอิง : http://www.ryt9.com/s/iq03/1927184

TMB เตรียมรับมือผลกระทบหลัง EU ลดระดับความสัมพันธ์กับประเทศไทย

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พุธที่ 25 มิถุนายน 2557 14:34:42 น.
กรุงเทพฯ--25 มิ.ย.--ธนาคารทหารไทย

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ประเมินผลกระทบหลังสหภาพยุโรปลดระดับความสัมพันธ์กับไทย อาจทำให้ข้อตกลงทางการค้า การลงทุนและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ต้องชะลอออกไป
จากกรณีสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศลดระดับความสัมพันธ์กับประเทศไทย ทำให้ข้อตกลงทางการค้า การลงทุนและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ อาจต้องชะลอออกไปก่อน จนกว่าจะมีการเลือกตั้ง บั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดอียู ทั้งนี้ เนื่องจากยังไม่มีการ sanction หรือห้ามธุรกิจและธุรกรรมระหว่างประเทศ ผลกระทบต่อการทำธุรกิจและธุรกรรมระหว่างเอกชนด้วยกันเองจะยังไม่ได้รับผลกระทบมาก ทั้งนี้ ใจความหลักสำคัญของมติที่ประชุมของคณะรัฐมนตรีต่างประเทศอียูอยู่ในข้อ 4 ที่ว่า “ให้ประเทศสมาชิกอียูระงับการเยือนอย่างเป็นทางการระหว่างกัน รวมถึงไม่ให้ลงนามกรอบความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือกับประเทศไทย Partnership & Cooperation Agreement (PCA) จนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง” ทาง TMB Analytics ประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
ผลกระทบแรก คือ ผลกระทบต่อการส่งออก พบว่าการส่งออกสินค้าไปอียูในปีหน้าจะได้รับผลกระทบอยู่แล้ว เนื่องจากกรอบการได้รับสิทธิ์ GSP ของไทยจะหมดลงในปีนี้ เราประเมินว่า หากข้อตกลง PCA ครอบคลุมการลงนามในข้อตกลง FTA ยิ่งจะทำให้การเจรจาการค้าเสรีไทย-อียู และผลบังคับใช้เลื่อนออกไป ทำให้ในช่วงระหว่างรอเจรจา ผู้ส่งออกไทยต้องเสียภาษีขาเข้าในอัตราปกติ และอาจต้องสูญเสียความสามารถทางการแข่งขันในตลาดยุโรป โดยเฉพาะสินค้าที่พึ่งพิงตลาดอียูมาก ได้แก่เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าและเครื่องประดับ ไก่แปรรูป กุ้งแช่แข็ง และชิ้นส่วนเครื่องจักรอุตสาหกรรม ผลกระทบลำดับถัดมา คือ ผลกระทบต่อการลงทุน เราประเมินว่า ในระยะสั้นน่าจะส่งผลกระทบน้อย เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยุโรปยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งกดดันไม่ให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ในระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินลงทุนได้ เนื่องจากการที่อียูระงับการเจรจา PCA ทำให้การวางฐานรากความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านอื่นๆ รวมทั้งทางด้านการลงทุนต้องชะลอออกไปก่อนจนกว่าไทยจะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง (มูลค่าเงินลงทุนของอียูในไทยอยู่อันดับที่ 3 คิดเป็น 8.5%ของเงินลงทุนต่างประเทศ รวม) และผลกระทบสุดท้าย คือ ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เราประเมินว่า ได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากมติประชุมดังกล่าว ไม่ได้บังคับพลเรือนให้เข้ามาในไทย มีผลเพียงการระงับการเดินทางอย่างเป็นทางการของหน่วยงานราชการของอียูเท่านั้น ทั้งนี้ ตัวเลขนักท่องเที่ยวอียู 5 เดือนแรกของปีนี้ พบว่ายังขยายต้ว 6.4% (yoy) ในขณะที่ภาพรวมการท่องเที่ยวหดตัว -5.9%(yoy) อย่างไรก็ดี ต้องจับตาว่าจะมีการลดระดับความสัมพันธ์เพิ่มเติมหรือไม่ และด้วยมาตรการใด
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบีมองว่าการลดระดับความสัมพันธ์ครั้งนี้ อาจทำให้ข้อตกลงด้านเศรษฐกิจระหว่างรัฐกับรัฐ (G2G) ต้องถูกเลื่อนออกไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น ดังนั้น โจทย์ใหญ่ของภาครัฐ คือ จะต้องเร่งสร้างความชัดเจนแก่ภาคเอกชนถึงประกาศดังกล่าวว่า ครอบคลุมเศรษฐกิจด้านใดบ้าง เพื่อให้ภาคเอกชนได้ปรับตัว ในขณะที่ผู้ประกอบการไทยเองก็จำเป็นต้องเร่งปรับตัวเช่นกัน ด้วยการลดต้นทุนการผลิต และหาตลาดใหม่ รวมถึงออกไปแสวงหาโอกาสการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่ยังได้รับสิทธิ์ GSP อยู่ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะถัดไป

อ้างอิง : http://www.ryt9.com/s/prg/1927167

นักลงทุนมีเฮ...กองทุนเจแปนของ TMBAM ถึงเป้า 5% แรก พร้อมกัน 2 กอง!!

           
ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2557 15:01:48 น.


                                     นักลงทุนมีเฮ...กองทุนเจแปนของ TMBAM ถึงเป้า 5% แรก พร้อมกัน 2 กอง!!
กรุงเทพฯ--19 มิ.ย.--บลจ.ทหารไทย
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด ประกาศข่าวดีแก่ผู้ลงทุน เมื่อกองทุนเปิดทหารไทย Japan Equity Trigger 10% ทั้ง 2 กองทุนโชว์ฟอร์มดี สบโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายแรก 5%
ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ. ทหารไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯประสบความสำเร็จในการบริหารพอร์ตกองทุนเปิดทหารไทย Japan Equity Trigger 10% ที่ดำเนินการจัดตั้งกองทุนไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2557 และ กองทุนเปิดทหารไทย Japan Equity Trigger 10% (2) ที่ดำเนินการจัดตั้งกองทุนไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2557 โดยทั้ง 2 กองทุนถือเป็นกองทุนปิดที่สามารถบริหารจัดการเพื่อทำกำไรให้แก่นักลงทุนได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว และพร้อมจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยได้ภายในวันที่ 25 มิถุนายน 2557 นี้ โดยเงื่อนไขเป็นไปตามหนังสือชี้ชวน
ดร.สมจินต์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ในช่วงที่ออกกองทุนนั้นระดับราคาของหุ้นญี่ปุ่นถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมากเพราะอยู่ในระดับต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาอื่นๆขณะที่พบว่ามีกระแสเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองในประเทศยังมีความเปราะบางสูง เราจึงได้เชิญชวนผู้ลงทุนให้มีมุมมองการลงทุนแบบ Global Investors โดยแสวงหาโอกาสใหม่ๆจากการแบ่งเงินลงทุนไปยังต่างประเทศซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของพอร์ตการลงทุนไปพร้อมๆกัน
สำหรับ ‘กองทุนเปิดทหารไทย Japan Equity Trigger 10%’ ทั้งสองกองทุนของเรานั้นได้เสนอขายในรูปแบบกองทุนที่กำหนดเป้าหมายผลตอบแทนที่แน่นอน (Trigger) เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นญี่ปุ่นอย่างสม่ำเสมอ โดยมีนโยบายเน้นลงทุนในกองทุนหลักเพียงกองเดียวคือกองทุน Nikkei 225 ETF ของ Nomura Asset Management ซึ่งมีนโยบายจัดสรรน้ำหนักการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับดัชนีหลักของหุ้นญี่ปุ่นคือ Nikkei 225 ซึ่งประกอบด้วยหุ้นชั้นนำพื้นฐานดีเป็นหลักและส่วนมากพวกเราก็รู้จักกันเป็นอย่างดี อาทิเช่น Toyota, Honda, Sony, Panasonic, Canon, Asahi, ANA, UNIQLO, และ 7-Eleven เป็นต้น
คาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทฯ เหล่านี้จะยังคงได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่น เช่นมาตรการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล มาตรการซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางญี่ปุ่น (QE) และพื้นฐานอันเข้มแข็งของบริษัทจดทะเบียนเอง ประกอบกับการบริโภคภาคประชาชนที่ยังคงไว้ด้วยความแข็งแกร่ง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เองที่จะเป็นตัวผลักดันให้กองทุนเปิดทหารไทย Japan Equity Trigger 10% ทั้ง 2 กองทุน สามารถบริหารจัดการให้เป็นไปตามเป้าหมาย 10% ได้ในเร็วๆนี้”
ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนรวมอื่นๆภายใต้การจัดการของบริษัทฯ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนลูกค้าสัมพันธ์ TMBAM โทร 1725 หรือผ่านช่องทางการขายของบริษัทฯ ได้แก่ธนาคาร TMB ทุกสาขาทั่วประเทศ ตัวแทนการสนับสนุนการขายที่ได้รับการแต่งตั้ง และบริการต่างๆของบริษัท อาทิ ทางอินเตอร์เนตผ่านเวปไซด์ www.tmbam.com

อ้างอิง : http://www.ryt9.com/s/prg/1922961